Lecture

บทที่ 8 เลือกใช้สีสำหรับเว็บไซต์ 

- สีสันในเว็บเพจเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการดึงดูดความสนใจของผู้ใช้
  เนื่องจากสิ่งแรกที่ผู้ใช้มองเห็นจากเว็บก็คือสี  ซึ่งเป็นสิ่งกำหนดบรรยากาศ
  และความรู้สึกโดยรวมของเว็บไซต์- เราสามารถใช้สีได้กับทุกองค์ประกอบ
  ของเว็บเพจ  ตั้งแต่รูปภาพ  ตัวอักษร  สีพื้นหลัง  การใช้สีที่เหมาะสมจะช่วย
  ในการสื่อความหมายของเนื้อหา
- การใช้สีพื้นใกล้เคียงกับสีตัวอักษร  บางครั้งอาจสร้างความลำบากในการอ่าน
- การใช้สีที่มากเกินความจำเป็นอาจสร้างความสับสนให้กับผู้อ่านได้
 -  การใช้สีที่กลมกลืนกันช่วยให้เว็บไซต์น่าดูชมมากยิ่งขึ้น                               
ประโยชน์ของสีในเว็บไซต์  
- สามารถชักนำสายตาผู้อ่านให้ไปยังทุกบริเวณในหน้าเว็บเพจ
ที่ต้องการได้  เช่น  ข้อมูลใหม่  หรือโปรโมชั่นพิเศษ
- สีช่วยเชื่องโยงบริเวณที่ได้รับการออกแบบเข้าด้วยกัน
- สีสามารถนำไปใช้ในการแบ่งบริเวณต่างๆออกจากกัน
 - สีสามารถใช้ในการดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน
- สีสามารถสร้างอารมณ์โดยรวมของเว็บเพจ
- ช่วยสร้างระเบียบให้กับข้อความต่างๆ เช่น ใช้สีแยกระหว่างหัวเรื่องกับเนื้อเรื่อง
- สามารถส่งเสริมเอกลักษณ์ขององค์กรหรือหน่วยงานนั้นๆ   
ความรู้เบื้อต้นเกี่ยวกับสี  
- มีสีขั้นต้น  ( Primary  color )                
  * สีแดง               
   * สีเหลือง                  
   * สีน้ำเงิน  
- สีขั้นที่  2 
 - สีขั้นที่  3  
- สีขั้นที่  4                  
-การผสมสี  ( Color Mixing )
- การผสมสีแบบบวก  ( Additive mixing )  จะเป็นรูปแบบการผสมของแสง
    ไม่ใช่การผสมของวัตถุที่มีสีบนกระดาษ 
  - การผสมสีแบบลบ  ( Subtractive mixing )  การผสมสีแบบนี้ไม่เกี่ยวข้องกับแสง
 แต่เกี่ยวกับการดูดกลืนและสะท้อนแสงของวัตถุต่างๆ
 
- การนำไปใช้งาน     
   * การผสมสีแบบบวก  จะนำไปใช้ในสื่อใดๆที่ใช้แสดงออกมา   เช่น  จอโปรเจคเตอร์  ทีวี                  
   * การผสมสีแบบลบ  จะนำไปใช้ในสื่อที่เกี่ยวข้องกับการใช้วัตถุมีสี  เช่น  ภาพวาดของศิลปิน               
วงล้อสี  ( Color  Wheel )
- เป็นรูปแบบหนึ่งในการจัดเรียงสีทั้งหมดในวงกลม และเป็นการจัดลำดับเฉดสีอย่างมีเหตุผล
    * วงล้อสีแบบลบ  ( Subtractive Color Wheel )                
    * วงล้อแบบบวก  ( Additive  Color  Wheel )                
    *  สีที่เป็นกลาง  ( Neutral  Colors )  
- คือสีกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในวงล้อสี  เพราะเป็นสีที่ไม่ได้รับอิทธิพลมาจากสีอื่น
  ซึ่งก็คือ  สีเทา , ขาว , ดำ   สีอ่อน  สีเข้ม  และโทนสี  ( Tint , Shade and Tone )
- ในการผสมสีกลางเข้าสีบริสุทธิ์  จะเกิดเป็นสีต่างๆจำนวนมากมาย 
    * สีบริสุทธิ์ผสมกับสีขาว  จะได้เป็นสีอ่อน  ( tint of  the hue )
    * สีบริสุทธิ์ผสมกับสีเทา  จะได้เป็นโทนสีระดับต่างๆ ( tone of the hue )
    * สีบริสุทธิ์ผสมกับสีดำ จะได้เป็นสีเข้ม  ( Shade  of  the  hue )
 - สีอ่อน  สีเข้ม  และโทนสีมีประโยชน์อย่างมากในการจัดชุดของสี  เพราะทำให้สีสีหนึ่งสามารถแสดงออกและให้ความรู้สึกได้หลายแบบยิ่งขึ้น                 
 ความกลมกลืนของสี  ( Color  Harmony )
 -  ความเป็นระเบียบของสี  ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงสมดุลและความสวยงามในเวลาเดียวกัน             
  * การใช้สีที่จืดชืดเกินไป  จะทำให้เกิดความรู้สึกที่น่าเบื่อ  และไม่ดึงดูดความสนใจจากผู้ชม          
   * การใช้สีที่มากเกินไป  ก็จะดูวุ่นวาย  ขาดระเบียบ  และอาจสร้างความสับสนให้กับผู้ชม
- เป้าหมายในเรื่องสี 
 คือ   การนำเสนอเว็บไซต์โดยใช้ชุดสีในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่าย  น่าสนใจ  และสื่อความหมายได้ดี             
 รูปแบบชุดสีพื้นฐาน ( Simple Color Schemes )
-ชุดสีที่ถูกจัดกลุ่มอย่างเข้ากันด้วยรูปแบบต่างๆ             
    * ชุดสีร้อน  ( Warm  Color  Scheme )  ประกอบด้วยสีม่วงแกมแดง  , แดงแกมม่วง ,
แดง , ส้ม , เหลือง และเขียวอมเหลือง  สีเหล่านี้สร้างความรู้สึกอบอุ่น  สบาย              
    * ชุดสีเย็น ( Cool Color Scheme )  ประกอบด้วยสีม่วง , สีน้ำเงิน , สีน้ำเงินอ่อน , ฟ้า ,
น้ำเงินแกมเขียว  และ สีเขียว  ชุดสีเย็นหึความรู้สึกเย็นสบาย  องค์ประกอบที่ใช้สีเย็นจะดูสุภาพ                
   * ชุดสีแบบเดียว  ( Monochromatic Color scheme )  เป็นรูปแบบชุดสีที่ง่าย 
คือมีค่าของสีบริสุทธิ์เพียงสีเดียว  แต่เพิ่มความหลากหลายโดยการเพิ่มความเข้ม  อ่อน  ในระดับต่างๆ
  ชุดสีแบบนี้ค่อนข้างจะมีความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว  แต่ในบางครั้งอาจทำให้ดูไม่มีชีวิตชีวา 
เพราะขาดความหลากหลายของสี                
 * ชุดสีที่คล้ายคลึงกัน  ( Analogous Color Scheme )  ประกอบด้วยสี 2 หรือ 3 สีที่อยู่ติดกันในวงล้อ 
 สามารถเพิ่มเป็น 4 หรือ 5 สีได้  แต่อาจส่งผลให้ขอบเขตของสีกว้างไป                
 * ชุดสีตรงข้าม  ( Complementary Color Scheme )  คือ  สีคู่ที่อยู่ตรงข้ามกันในวงล้อ 
เมื่อนำสีทั้งสองมาใช้คู่กันจะทำให้สีทั้งสองมีความสว่างและสดใสมากขึ้น               
   * ชุดสีตรงข้ามข้างเคียง  ( Split  Complementary  Color  Scheme )
  เป็นชุดสีที่เปลี่ยนแปลงมาจากชุดสีตรงข้าม  ชุดสีแบบนี้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น 
แต่จะมีผลให้ความสดใส  ความสะดุดตา  และความเข้ากันของสีลดลงด้วย               
  * ชุดสีตรงกันข้ามข้างเคียงทั้ง  2  ด้าน  ( Double  Split  Complementary  color  Scheme ) 
 ดัดแปลงมาจากชุดสีตรงกันข้ามเช่นกัน  แต่สีตรงข้ามทั้ง  2  สีถูกแบ่งแยกเป็นสีด้านข้างทั้ง  2  ด้าน 
 ชุดสีแบบนี้มีความหลากหลายของสีที่มากขึ้น  แต่จะมีความสดใสและความกลมกลืนของสีที่ลดลง   
ผลทางจิตวิทยาที่มีต่อสี  ( Color  Psychology )  
- มนุษย์เราตอบสนองต่อสีด้วยจิตใจ  ไม่ใช่สมอง  เช่นสีบางสีอาจทำให้รู้สึกสดชื่น  แต่บางสีทำให้รู้สึกซึมเศร้าได้  
- ดังนั้นหากเราเลือกสีอย่างรอบคอบ  และความเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิทยาของสีเบื้องต้นก็จะทำให้
เราเลือกใช้ชุดสีได้อย่างเหมาะสมกับอารมณ์  เนื้อหาของเว็บไซต์                  
สีกับอารมณ์  ความรู้สึก  และความสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ  
- สีแดง  อันตราย
- สีน้ำเงิน  เทคโนโลยี-
 สีเขียว  ธรรมชาติ
 - สีเหลือง  แสงอาทิตย์ , ฤดูร้อน
  - สีส้ม  กระตุ้นต่อมหิว  เกี่ยวกับอาหาร  
สีน้ำตาล  โลก  พื้นดิน
- สีเทา  บ่งบอกถึงความเรียบง่าย  
- สีขาว  ความเรียบง่าย  สุภาพ
- สีดำ  หดหู่ , เศร้า , ไว้อาลัย                  
ข้อคิดเกี่ยวกับการใช้สีในเว็บไซต์  
- ใช้สีอย่างสม่ำเสมอ
- ใช้สีอย่างเหมาะสม
- ใช้สีเพื่อสื่อความหมาย                 
 
***************************************************************************************************************



บทที่ 9 ออกแบบกราฟฟิกสำหรับเว็บไซต์
 
  -  กราฟฟิกเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งของเว็บเพจ  ช่วยสื่อความหมายสร้างความเข้าใจให้กับผุ้ใช้  รวมทั้งช่วยสร้างความสวยงามให้เว็บไซต์น่าดูยิ่งขึ้น
  ปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับการสร้างกราฟฟิกคือ  การเลือกใช้รูปแบบกราฟฟิกที่ไม่เหมาะสมกับลักษณะของรูป  โดยไม่รู้จักความแตกต่างของรูปแบบกราฟฟิก  ส่งผลให้รูปที่ได้มีลักษณะไม่สมบูรณ์และมีไฟล์ใหญ่เกินความจำเป็น
                รูปแบบกราฟฟิกสำหรับเว็บ   ( GIF , JPG , และ PNG)
- GIF ย่อมาจาก Graphic Interchange Format
                - ได้รับความนิยมในยุคแรก
                -  มีระบบเสียงแบบ  Index ซึ่งมีข้อมูลสีขนาด 8 บิต ทำให้มีสีมากสุด  256 สี
                -  มีการบีบอัดข้อมูลตามแนวของพิกเซล  เหมาะสำหรับกราฟฟิกที่ประกอบด้วยสีพื้น
-  JPG  ย่อมาจาก  Joint Photographic Experts Group
                - มีข้อมูลสีขนาด  24  บิต  (True Color) สามารถแสดงสีได้ถึง  16.7  ล้านสี
                -  ใช้ระบบการบีบอัดที่มีลักษณะที่สูญเสีย  (lossy)
                -  ไฟล์ประเภทนี้ควรนำไปใช้กับรูปถ่ายหรือกราฟฟิกที่มีการไล่ระดับสีอย่างละเอียด
- PNG  ย่อมาจาก  Portable  Network  Graphic
                -  สามารถสนับสนุนระบบสีได้ทั้ง  8  บิต  16  บิต  และ  24  บิต
                -  มีระบบการบีบอัดแบบ  Deflate  ที่ไม่ทำให้เกิดการสูญเสีย  (lossless)
                -  มีระบบการควบคุมแกมม่า  (Gamma)  และความโปร่งใส  (Transparency)  ในตัวเอง
                    ระบบการวัดขนาดของรูปภาพ
รูปภาพใช้หน่วยวัดขนาดตามหน้าจอมอนิเตอร์  นั่นก็คือหน่วยพิกเซล  ซึ่งจะมีประโยชน์ในการเปรียบเทียบขนาดของกราฟฟิกกับองค์ประกอบอื่นๆในหน้า เว็บ  รวบถึงขนาดของหน้าต่างเบราเซอร์
ระบบความละเอียดของรูปภาพที่แสดงผลบนจอมอนิเตอร์ควรใช้หน่วย  pixel  per  inch  (ppi)
แต่ในทางการใช้งานจะนำหน่วย  dot  per  inch  (dpi)  ซึ่งเป็นหน่วยวัดความละเอียดของสิ่งพิมพ์มาใช้งานแทน  ppi
ความละเอียดของรูปภาพที่ใช้ในเว็บไซต์ควรมีความละเอียดแค่  72  ppi ก็เพียงพอแล้ว
ปัจจุบันมีโปรแกรมหลายประเภทที่นำมาใช้ในการสร้างกราฟฟิกสำหรับเว็บ
                * Adobe  Photoshop  เป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
                * Adobe  ImangeReady  ลักษณะหน้าตาและเครื่องมือคล้ายคลึงกับ  Photoshop  แต่จะถูกพัฒนาข้นเพื่องานกราฟฟิกโดยเฉพาะ   เพิ่มความสามารถในการสร้าง  animation  ได้
                * Firework  มีคุณสมบัติในการตกแต่งตัวอักษรกราฟฟิกที่เห็นผลทันที  การแสดงค่าของสีในระบบเลขฐานสิบหก  การสร้างภาพเคลื่อนไหว  การตัดแบ่งภาพให้มีขนาดเล็กๆสำหรับไฟล์  HTML
ค่าพื้นฐานที่สามารถเลือกปรับได้คือ  รูปแบบไฟล์ , ชุดสีที่ใช้ , จำนวนสี , ระดับความสูญเสีย , ความโปร่งใสและสีพื้นหลัง
 
                กราฟฟิกรูปแบบ  GIF
มีไฟล์นามสกุลเป็น  .gif
ลักษณะเด่นของ  GIF  คือการไม่ขึ้นกับระบบปฏิบัติการใดๆ
-  GIF  เป็นกราฟฟิกประเภทเดียวที่ไม่สามารถนำไปใช้เบราเซอร์ทุกชนิด  โดยไม่ต้องคำนึงถึงเวอร์ชันใดๆ
-  GIF  มีคุณสมบัติในการเคลื่อนไหว
-  GIF  มีระบบสีแบบ  Index  เก็บข้อมูลสีได้สูงสุด  8  bit
คุณสมบัติ  Interlacing  คือการบันทึกไฟล์  GIF  เป็น  4  ระดับ  คือ  ที่คุณภาพ  12.5% , 25% , 50% , 100%  ตามลำดับ
                * ข้อดี  คือผู้ใช้เห็นภาพที่กำลังดาว์นโหลดอยู่มีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
                * ข้อเสีย  คือขนาดไฟล์จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ระบบการบีบอัดข้อมูลของ  GIF
*  GIF  มีการบีบอัดข้อมูลแบบไม่สูญเสีย  (Lossiess)  หมายความว่าจะไม่มีการสูญเสียข้อมูลภาพจากการบีบอัด
*  GIF  ใช้การบีบอัดที่เรียกว่า  LZW (Lempei-Ziv-Weleh)  ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในโปรแกรม  Zip  โดยใช้ประโยชน์จากการจากความซ้ำซ้อนของข้อมูล
คุณสมบัติในการเคลื่อนไหว  (Animated  GIF)
                *  รูปที่ประกอบด้วยหลายๆเฟรมในรูปเดียวกัน  เมื่อมีการแสดงผลจะเห็นรูปมีการเปลี่ยนแปลงตามเฟรมต่างๆที่มีอยู่อย่างต่อ เนื่อง
                *  ข้อดี  ของ Animated  GIF  คือไม่ต้องอาศัย  plug-in  ใดๆเนื่องจากเบราเซอร์สนับสนุนคุณสมบัตินี้
ข้อคิดในการใช้  Animated  GIF
                *  ใช้ภาพเคลื่อนไหวในจุดที่ต้องการให้ผู้ชมสนใจมากที่สุด
                *  ไม่ควรใช้ภาพเคลื่อนไหวมากเกินไป  จะทำให้ผู้ใช้สับสน
                *  ทำให้ภาพเคลื่อนไหวนั้นโหลดได้เร็ว
เราสามารถใช้โปรแกรมสร้าง  Animated  GIF  ได้หลายโปรแกรม  เช่น  ImageReady , Firework , GifBuilder  เป็นต้น
ค่าต่างๆที่สามารถกำหนดได้ในการออกแบบ  Animeted  GIF 
                *  จำนวนรอบของการแสดงผล
                *  เวลาที่ใช้ในแต่ละเฟรม
                *  ชุดสีที่ใช้
                *  ความโปร่งใส
                *  ลักษณะการแสดงรูปเป็นลำดับขั้น  (Interlacing)
 การลดขนาดไฟล์  GIF
จำกัดขนาดของกราฟฟิก
                *  พยายามลดขนาดรูปหรือกราฟฟิกให้เล็กไว้เสมอ
                *  ตัดเอาบางส่วนของรูปที่ไม่มีความจำเป็นออกไป
                *  ใช้กราฟฟิกขนาดเล็กหลายๆรูปรวมกัน  แทนที่จะใช้กราฟฟิกขนาดใหญ่เพียงรูปเดียว
ออกแบบโดยใช้สีพื้นๆเข้าไว้
                *  เลือกใช้สีพื้นๆที่ไม่ซับซ้อน  แทนที่จะเป็นการไล่สีจากสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่ง
                *  จำกัดปริมาณของส่วนที่มีลักษณะของรูปภาพหรือภาพ่ายในไฟล์  GIF
ลดจำนวนสีที่ใช้ลง
                *  แม้ว่ากราฟฟิกรูปแบบ  GIF  มีระบบสี  8  บิต  แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมดที่มีอยู่ก็ได้
ออกแบบลวดลายตามแนวนอน
                *  รูปลักษณะเดียวกัน  2  รูป  รูปที่มีลวดลายตามแนวนอนจะมีขนาดไฟล์เล็กกว่า
 
                กราฟฟิกรูปแบบ  JPEG
มีนามสกุลเป็น  .jpg  หรือ  .jpeg
ใช้วิธีการบีบอัดข้อมูลแบบ  JFIF  (JPEG  File  interchange  format)
-   ไฟล์ประเภท  JPEG  ไม่ยึดติดกับระบบปฏิบัติการใดๆและสามารถใช้ได้กับเบราเซอร์ทั้ง  Netscape  และ  IE  version  2  เป็นต้นไป
ใช้ระบบสีขนาด  24  บิต  ซึ่งจะให้สีสมจริงมากถึง  16.7  ล้านสีส่งผลให้ได้รูปที่มีคุณภาพสูง
ระบบการบีบอัดข้อมูลในไฟล์  JPEG
                *  เป็นการบีบอัดแบบ  lossy  คือสูญเสียรายละเอียดบางส่วนของภาพไป
                *  อาศัยประโยชน์จากการที่สายตาคนเราสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ ในบริเวณกว้างๆได้ดีกว่าการเปลี่ยนแปลงในบริเวณแคบๆ
                *  ใช้วิธีเก็บข้อมูลความสัมพันธ์ของสีและความสว่างในรูปเหลี่ยมขนาด  8*8  พิกเซลให้อยู่ในรูปแผนภาพความถี่  โดยมีระบบ  Discrete  Cosine  Transform(DCT)  แบ่งแยกข้อมูลที่มีความถี่สูงและต่ำออกจากกัน  จากนั้นข้อมูลบางส่วนในความถี่สูงจะถูกตัดไป  จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับคุณภาพ
                *  ประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับการรวมกลุ่มของรายละเอียดในรูป  เช่น  ท้องฟ้า ( ความถี่ข้อมูลต่ำ )  จะบีบอัดได้ดีกว่าใบไม้ใบหญ้า  ( ความถี่ข้อมูลสูง )
                *  JPEG  สามารถบีบอัดข้อมูลในอัตราสูงตั้งแต่  10:1  จนถึง  20:1  โดยที่สายตามนุษย์ไม่อาจมองเห็นคุณภาพที่ลดลงแต่อย่างใด
การขยายข้อมูลของ  JPEG
                *  เนื่องจากข้อมูลถูกบีบอัดให้อยู่ในรูปของ  DCT  ดังนั้นเบราเซอร์ต้องทำการขยายข้อมูลก่อนแสดงผล  ดังนั้นเบราเซอร์จะใช้เวลาในการแสดงผลรูป  JPEG  มากกว่า  GIF
                *  เนื่องจากจำนวนบิตของสีไฟล์  JPEG  เป็น  24  บิตเสมอจึงไม่สามารถลดขนาดไฟล์โดยการลดจำนวนบิตของสีลงได้
                *  การลดขนาดไฟล์ทำได้โดยการบีบอัดในอัตราที่สูง  ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพที่ต้องการด้วย
                คำแนะนำในกระบวนการออกแบบกราฟฟิกสำหรับเว็บ
ออกแบบกราฟฟิกโดยใช้ชุดสีสำหรับเว็บ  (Web Palette)
เลือกใช้รูปแบบกราฟฟิกที่เหมาะสม  GIF  หรือ  JPEG
ตัดแบ่งกราฟฟิกออกเป็นส่วนย่อย  (Slices)
สามารถปรับแต่งชิ้นส่วนของกราฟฟิกได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบริเวณ
 
 
***************************************************************************************************************

บทที่ 10 จัดรูปแบบตัวอักษรสำหรับเว็บไซต์

 ตัวอักษรมีความสำคัญในการสื่อข้อความถึงผู้ใช้
ตัวอักษรมีหลายชนิด แต่ละชนิดสื่อถึงอารมณ์ที่ต่างกันออกไป
 ส่วนประกอบของตัวอักษร
 point size ระดับความสูงทั้งหมดวัดจากสวนบนสุดถึงล่างสุดของตัวอักษร
 ข้อควรระวังในการใช้ตัวอักษรในเว็บเพจ
 ระบุชนิดตัวอักษรให้ครบคลุม
กำหนดลักษณะของตัวอักษรที่อยู่ในทุกช่อง ของตาราง
ระบุขนาดของตัวอักษร
ค่าความสุงจะมีผลต่อภาพรวมของตัวอักษรและความยากง่ายในการอ่าน
รูปเเบบตัวอักษรเเบ่งได้ 2 ประเภท
ตัวอัการที่มีขนาดสัมพันธ์กับรูปร่าง
 2  ตัวอักษรที่มีขนาดคงที่
3   ตัวอักษรระเภท serif
ตัวอักษร sens serif
ความสะดวกในการอ่าน
1    หลีกเลี่ยงตัวอักษรที่เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด
2   การใช้ตัวอักษรพิมพ์เล็กทั้งหมดในประโยค สร้างความรู้สึกไม่เป็นทางการและแสดงถึงความสมบูรณ์ของเนื้อหา
3   การจัดข้อความในหน้าเว็บ
4   การจัดตำแหน่ง Alignment
5   การจัดข้อความในหน้าเว็บ
จัดแบบ justifyทำให้ช่องว่างในแต่ละคำแตกต่างไปในแต่ละบรรทัด ซึ่งอาจทำให้เกิดช่องว่างที่ไม่สวยได้
 7  ความยาวของหน้าเว็บควรจัดเป็นแบบพารากราฟหรือตัดแบ่งเป็นหลายๆหน้า
8   ขนาดของตัวอักษร ใช้ตัวอักษรให้หลายขนาดเพื่อสร้าง ลำดับความสำคัญของข้อมูล
9   เน้นข้อความให้เด่นชัดเพื่อสร้างจุดดึงดูดสายตาของผู้เข้าชม
 การใช้สีกับตัวอักษร ควรใช้สีข้อความให้สม่ำเสมอใช้สีที่แตกต่างกันในแต่ละข้อมูลและควรกำหนดสีลิงค์ให้เหมาะสม
การกำหนดขอบ Aliased มีลักษณะขอบเป็รอยหยักที่เกิดขึ้นบริเวณส่วนโค้งที่แสดงบนหน้าจอ
การกำหนดAnti-Aliased ใช้เทคนิคของโทนสีเข้าาช่วยด้วยการเพิ่มสีที่อยู่ระหว่างสีของตัวอักษร


***************************************************************************************************************